“ความลับของอลัน” อลันจระเข้เขี้ยวใหญ่ แหลมคมน่ากลัว ทำตัวเกะกะเกเร ชอบขู่แกล้งเพื่อนให้กลัวเป็นประจำ แต่แล้วความลับก็ไม่มีในโลก เมื่อเจ้าบีเวอร์ไปเจอฟันปลอมของอลันที่ซ่อนอยู่โดยบังเอิญ อลันหาฟันปลอมของตัวเองไม่เจอ... อลันจระเข้ร้ายที่ไม่มีฟัน ก็กลายเป็นเรื่องตลกของสัตว์ในป่า... อลันเศร้า ซึม ร้องไห้ เสียใจ อับอายที่ไม่มีฟัน เขาคงแกล้งใครไม่ได้อีกแล้ว... เพราะตัวเขาเข้าใจผิดว่า การขู่ให้คนอื่นตกใจกลัว เป็นความสามารถเพียงอย่างเดียวของตนเองที่มีอยู่ จนกระทั่งเพื่อนๆ สงสาร นำฟันปลอมมาคืนให้ โดยให้อลันสัญญาว่า จะเลิกแกล้งคนอื่นให้ตกใจกลัว... เพื่อนๆ ช่วยกันแก้ไขความคิดแบบผิดๆ ของอลัน โดยการช่วยกันแนะนำความรู้ ความสามารถที่อลันมี นำมาเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น อลันนักจัดสวน อลันช่างแต่งทรงผม หรือ อลันหมอฟัน และแล้ว อลันก็กลายเป็นที่รักของเพื่อนๆ ได้อย่างง่ายดาย แต่อย่างไรก็ตาม ในทุกค่ำคืน อลันจระเข้เขี้ยวใหญ่ ฟันโต ก็จะมาเล่าเรื่องราวน่ากลัว สยองขวัญ ให้เพื่อนๆ ได้ตื่นเต้น ตกใจ ด้วยความสุขกันต่อไป ... สุดท้าย อลันก็ค้นพบว่า การมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น นั้นไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง จงเอาใจเขามาใส่ใจเรานะลูกเอ๋ย ถ้าคนรอบข้างเราทุกข์เพราะการกระทำของเรา แล้วเราจะยังสุขได้จริงๆ หรือ... Credit “ความลับของ อลัน” เรื่องและภาพ จาร์วิส...
“ลูกหมี นั่ง เก้าอี้ Bears on Chairs” เก้าอี้ 4 ตัว กับหมีตัวเล็กๆ 4 ตัว ช่างดูพอดิบ พอดี ไม่มีขาด ไม่มีเกิน... แล้วถ้ามีหมีสีน้ำตาลตัวใหญ่มาเพิ่มอีก 1 ตัวล่ะ พวกเขาจะแบ่งที่นั่งกันอย่างไร... เรื่องราวความมีน้ำใจ เอื้อเฟื้อ เผื่อแผ่ของลูกหมีตัวเล็กๆ 4 ตัว ที่พยายามจะช่วยให้เพื่อนใหม่ได้นั่งเก้าอี้ด้วยกัน... ถ้าลูกหมีตัวหนึ่ง เสียสละเก้าอี้ตนเพื่อให้เพื่อนได้นั่ง แต่ตัวเองกลับไม่มีที่นั่งซะเอง ไม่ดีๆ... แล้วถ้านำเก้าอี้ 2 ตัวมาต่อกันล่ะ ก็ยังไม่เพียงพอสำหรับหมี 3 ตัวอยู่ดี... สุดท้ายรวมพลังเอาเก้าอี้ทั้งหมด 4 ตัวมาต่อกันเลย ผลลัพธ์ช่างคุ้มค่า หมี 5 ตัวได้นั่งเก้าอี้ด้วยกันอย่างมีความสุข และที่สำคัญ ไม่มีหมีตัวใดที่ต้องลำบากอีกเลย... ลูกเอ๋ย หากลูกจะหยิบยื่นความมีน้ำใจให้ใคร จงคิด ไตร่ตรองดูก่อน ว่าลูกไหวไหม ลูกจะต้องสูญเสียอะไรบางอย่างไปหรือเปล่า ถ้าเจ้าตอบตัวเองว่า “ใช่” ลูกจะต้องลำบาก... จงหาวิธีอื่นที่ลูกพอจะทำได้ แต่หากว่าความสามารถของลูกยังไม่ทำไม่ได้จริงๆ เชื่อแม่เถอะว่า ขอแค่ลูกส่งมอบคำพูดดีๆ เป็นกำลังใจ มาจากใจจริงๆของลูก แค่นี้ ลูกก็ได้ช่วยเยียวยาทางจิตใจของพวกเขาได้แล้วล่ะค่ะ...
“Home A home is where your heart is” เรื่องราวของเพื่อนรักทั้งสี่ตัว “หนึ่ง สอง สาม สี่” อาศัยอยู่ในบ้านด้วยกันอย่างมีความสุข อยู่มาวันหนึ่ง ทั้งสี่ตัว ก็มีความคิดจะย้ายบ้านไปตามสถานที่ต่างๆ ตามที่ตัวเองต้องการ “หนึ่ง” ต้องการย้ายบ้านไปอยู่บนน้ำ จะได้เป็นโจรสลัดล่องเรือไปในทะเลกว้างใหญ่ “สอง” ต้องการย้ายบ้านไปอยู่บนยอดเขา จะได้ฝึกร้องเพลงสไตล์ Yodel “สาม” ต้องการย้ายบ้านไปอยู่ใต้ดิน จะได้เก็บสะสม แมลง สัตว์เล็กๆ ต่างๆ ได้อย่างสบายๆ “สี่” ต้องการย้ายบ้านเข้าเมืองใหญ่ จะได้ไปปาร์ตี้ สนุกสนานกันทั้งคืน ความเห็นทั้งสี่แตกแยกไปคนละทิศละทาง ทั้ง 4 ตัว ต่างหยิบชิ้นส่วนบ้าน แล้วแยกย้ายออกเดินทางไปตั้งถิ่นฐานตามที่ที่ตนเองต้องการ เมื่อถึงเวลาที่ทุกตัวต้องแยกกันอยู่ ต่างไม่สุขอย่างที่คิด สถานที่ที่ไปกับชิ้นส่วนบ้านที่ถือมาด้วย ไม่ได้ช่วยสร้างความสุขให้พวกเขาเลย สุดท้ายทุกตัวต่างก็คิดถึงกันและกัน และตัดสินใจกลับมา ‘Home’ ของพวกเขาอีกครั้ง การนิยามคำว่า “บ้าน” ของแต่ละคน ย่อมไม่เหมือนกัน แต่เชื่อเถอะว่า “บ้าน” ที่มีความสุขที่สุด ก็คือ “บ้าน” ที่มีคนที่เรารักอยู่ร่วมกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา วันนี้ คุณกลับไปดูแล “บ้าน”...
“ขึ้นอย่างไรนะ” เมื่อลูกนกเค้าจุดตัวเล็กตกลงมาจากรังโดยบังเอิญ และต้องหาทางกลับรังบนต้นไม้ด้วยตัวเอง... ก็ตัวเขายังเล็ก ยังไม่รู้จักการบิน แล้วจะต้องทำยังไงดีล่ะ ถึงจะกลับบ้านได้... คุณแมวใจดีช่วยแนะ “ใช้เล็บจิกต้นไม้ แล้วไต่ขึ้น แบบนี้ๆ”... คุณลิงลมผ่านมาก็ช่วยเสนอ “ใช้มือและเท้าจับต้นไม้ไว้ แล้วไต่ขึ้นช้าๆ แบบนี้” ... คุณเม่นผ่านมานึกสนุกขอลองไต่ขึ้นต้นไม้บ้าง แต่ไม่ว่าลูกนกเค้าแมวจุด จะลองปีนต้นไม้แบบไหน ก็ไม่สำเร็จ ตกลงมาดังตุ๊บ! อยู่ดี... สุดท้าย ก็ถึงเวลาที่ลูกนกเค้าแมวจุด จะได้ลองฝึกบินกลับรังในแบบฉบับของตัวเองเสียที แม่นกเค้าแมวจุด สอนลูกบิน... ส่วนลูกก็ฝึกๆ หัดๆ ปฏิบัติ หลายๆ รอบจนชำนาญ และบินกลับรังได้ในที่สุด ;) ลูกจ๋า หากลูกยังเล็ก ยังเดินไม่เก่ง ยังวิ่งไม่ได้ ลูกจงเรียนรู้จากความสำเร็จของคนอื่นก่อน... จงลองทำและเรียนรู้จากมัน หากมันจะต้องทำให้ล้มลงบ้าง ก็แค่ลุกขึ้นใหม่ พยายามอีกนิดนะลูก จนกว่าลูกจะเจอทางของลูกเอง... Credit “ขึ้นอย่างไรนะ” เรื่องและภาพ วชิราวรรณ ทับเสือ และกฤษณะ กาญจนาภา ...
“เม่นหลบฝน” หนังสือนิทานดีๆ ที่ไม่ต้องใช้ตัวอักษรเลยสักตัวเดียว... เม่นหลบฝนเล่าเรื่องด้วยภาพ ว่าด้วย ณ วันฝนตก สัตว์ต่างๆ ทะยอยกันวิ่งเข้ามาหลบฝนใต้ต้นไม้ใหญ่ ทีละตัว ทีละตัว และตัวสุดท้ายตัวที่ 10 คือ “เจ้าเม่น” นี้สิ เพื่อนๆ จะให้เข้ามาไหมน้า... ลูกสาวบ้านนี้ร้อง “กระต่ายตัวหนึ่ง เดินอยู่ในป่า ฝนตกลงมา รีบวิ่งไปหลบฝนนนนน (ลากเสียงยาว)... เพื่อนๆ จ้ะ ขอฉันหลบฝนด้วยสักตัวได้ไหมจ้ะ... ได้จ้ะๆ เพื่อนๆ ตอบ.... ” เธอร้องเป็นเพลงทั้งเล่ม โดยเปลี่ยนชื่อสัตว์ด้านหน้าไปเรื่อยๆ ตามภาพในหนังสือนิทาน แต่พอมาถึงตัวสุดท้ายนี้สิ เด็กๆ ต้องช่วยกันคิด ว่าจะให้เพื่อนเม่น เข้ามาหลบฝนด้วยได้ยังไง ดีน้า... เพราะว่าเม่นเป็นสัตว์ที่มีขนแหลม และแข็ง ถ้าไม่ระวัง อาจจะทำร้ายคนอื่นได้โดยไม่รู้ตัว ในความมีน้ำใจ ก็ต้องเรียนรู้ที่จะมีความเฉลียวด้วย หากจะต้องช่วยเหลือเพื่อนเม่นแล้ว แต่ทุกๆ ตัวต้องเจ็บตัว คงไม่ดีแน่... เรื่องนี้สอนให้เด็กๆ ให้มากกว่าคำว่า "น้ำใจ" โดยให้คิดต่อยอด เรื่องการปรับแก้ไขปัญหา ว่าจะทำอย่างไรให้ทุกคนอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีความสุขค่ะ ^___^ Credit “เม่นหลบฝน” โดย ครูปรีดา ปัญญาจันทร์ ...
“LION VS Rabbit” เจ้าสิงโตร้ายกาจ ชอบแกล้งเพื่อนๆ อยู่เป็นนิสัย สัตว์น้อยใหญ่ต่างพากันเกียงออกไปจัดการกับมัน เดือดร้อนถึงคุณลิงบาบูน ต้องโฆษณาประกาศออนไลน์หาผู้เก่งกล้ามาประลองฝีมือเพื่อหยุดนิสัยแย่ๆ ของเจ้าสิงโตตัวนี้ สัตว์อาสาสมัครต่างๆ ทยอยมาประชัน แต่ก็พลันตกรอบซะหมด ไม่ว่าจะแข่งขันอะไร เจ้าสิงโตก็ชนะอยู่ทุกเกมไป แต่แล้วเหนือฟ้ายังมีฟ้า อัศวินม้าขาวเจ้ากระต่ายน้อยตัวจิ๋วก็มาถึง เขาขออาสาจัดการ กับเจ้าสิงโตนิสัยไม่ดีให้เอง! และในทุกๆ การแข่งขันระหว่างสิงโต กับ กระต่าย เจ้ากระต่ายก็ชนะทุกเกมไป ไม่ว่าจะเป็น แข่งกินขนม มาร์ชเมลโล่ แข่งตอบคำถามเชาว์ปัญญา กระโดดนาน วิ่งเร็ว หรือว่าศิลปะ เจ้าสิงโตจำยอมจำนนต่อความเก่งกาจของเจ้ากระต่ายน้อยอย่างง่ายดาย และยอมเปลี่ยนนิสัยไม่ดีของตนเองในที่สุด เฉลยในช่วงสุดท้ายคือ กระต่ายมีมากกว่า 1 ตัวค่ะ และในแต่ละการแข่งขัน ทีมกระต่ายตัวจ๋อยจะแบ่งงานกันตามความถนัดของตัวเอง ตามหลักการการวางแผนทรัพยากรมนุษย์ในปัจจุบันที่เรียกว่า “Put the right man in the right job”!!! ฮั่นแน่ ฉลาดจริงๆ เจ้ากระต่ายทั้งหลาย ;) การใช้กำลัง เพื่อปกป้องตัวเอง ปกป้องผู้อื่น ย่อมเป็นเรื่องที่ดีค่ะ แต่ถ้าใช้กำลัง ความฉลาดเฉลียวไปในทางที่ผิด คนรอบข้างย่อมรู้สึกอึดอัดอย่างแน่นอน วิธีเอาชนะคนเหล่านี้ เราต้องมีสติ ใช้ปัญญาในการแก้ปัญหา เคยได้ยินไหมค่ะ...
Little Mouse’s Emily Gravett’s Big Book of Beasts หนังสือนิทานแนะนำสัตว์ดุร้ายชนิดต่างๆ โดยแทรกความคิดที่ว่า สัตว์เหล่านี้ เป็นสัตว์อันตราย เด็กๆ จะต้องใช้ความระมัดระวัง อย่าไปอยู่ใกล้ และในขณะเดียวกัน เจ้าหนูตัวเดินเรื่องก็เสนอความคิดหักมุมน่ารักๆ เพื่อมาทำให้เรารู้สึกว่า สัตว์ดุร้ายก็ดูตลก และไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดเสมอไป ตัวหนังสือเอง ใช้รูปเล่มแบบเฉพาะตัวในการนำเสนอเนื้อเรื่อง (ดูจากภาพได้เลยค่ะ อธิบายอาจไม่เห็นภาพ เนื่องจากมันแปลกใหม่สำหรับเรามากจริงๆ เปิดหนังสือมาครั้งแรก แอบตกใจนิดหนึ่ง อุ๊ต๊ะ จะอ่านอย่างไรหรอ!??) ถ้าให้เราแนะนำ เราคิดว่าเล่มนี้คือหนังสือกิจกรรมเลยค่ะ แต่เป็นแนวกิจกรรมส่งเสียง เล่นท่าทางกันนะคะ Credit “Little Mouse’s Emily Gravett’s Big Book of Beasts” Text and illustrations: Emily Gravett ...